butterfly organic
Search
Close this search box.

อาหารไม่ย่อยทำไงดี กินโยเกิร์ตบ่อย ๆ ช่วยย่อยอาหารได้จริงหรือ?

Picture of Butterfly Organic

Butterfly Organic

อาหารไม่ย่อย เชื่อว่าเป็นปัญหาของใครหลาย ๆ คน ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน เพศใด ก็สามารถพบกับปัญหานี้ได้ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม แม้จะดูเป็นภาวะที่ไม่เป็นอันตรายในเบื้องต้น แต่อาการอาหารย่อยยากเช่นนี้สามารถส่งผลในระยะยาวได้ ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว อาการอาหารย่อยยากยังเป็นจุดเสี่ยงที่ทำให้ผู้มีภาวะนี้อาจกลายเป็นผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารได้อีกด้วย

และจากผลข้างเคียงและความน่ากลัวดังกล่าว ก็เป็นเหตุผลอันสมควรที่ผู้บริโภคควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายหรือมีคุณสมบัติช่วยย่อยเพื่อให้ระบบการทำงานของลำไส้ของเราดีขึ้น ซึ่งเมื่อพูดถึงภาวะอาการลำไส้ผิดปกติเช่นนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าหลาย ๆ คนต้องถึง “โยเกิร์ต” เมนู Super Food ที่นอกจะช่วยควบคุมน้ำหนักแล้ว ยังสามารถปรับสมดุลลำไส้แล้ว ก็ยังช่วยย่อยอาหารได้อีกด้วย และในบทความนี้ Butterfly Organic จึงขออนุญาตนำเสนอความสามารถของเจ้านมหมักชนิดนี้ให้ทุกคนได้ลองอ่านและทำความเข้าใจว่าโยเกิร์ตสามารถช่วยบรรเทาอาการนี้ได้จริงหรือไม่ อย่างไร

แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับภาวะอาหารไม่ย่อยกันก่อนว่าคืออะไร เกิดจากอะไร และมีอาการอย่างไรบ้าง?

อาหารไม่ย่อย คือ

อาหารไม่ย่อย (Indigestion หรือ Dyspepsia) เป็นอาการปวดท้องช่วงบน ท้องอืด จุกเสียดแน่นท้อง จุกลิ้นปี่ รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว หรือมีอาการแสบร้อนกลางทรวงอกหลังรับประทานอาหาร เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน โดยอาการจะดีขึ้นและหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป หรืออาจเป็นสัญญาณของโรคและการเจ็บป่วยในระบบย่อยอาหารก็เป็นได้ ซึ่งไม่ว่าอาการจะเป็นไปในทิศทางไหน ก็ควรได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

อาหารไม่ย่อย เกิดจากอะไร

อาการอาหารไม่ย่อยเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่แล้วพบว่ามีปัจจัยมาจากพฤติกรรมการกิน และลักษณะการดำเนินชีวิต รวมไปถึงอาหาร เครื่องดื่ม หรือยาบางชนิด ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ

– เคี้ยวอาหารไม่ละเอียดก่อนกลืน รับประทานเร็ว รับประทานเยอะ

– ชอบรับประทานอาหารมัน ๆ อาหารรสเผ็ดจัด

– ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม มากเกินไป

– น้ำหนักเกินมาตรฐาน หรือเป็นโรคอ้วน

– รับประทานยาบางชนิด ที่ส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหาร เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาปฏิชีวนะ อาหารเสริมธาตุเหล็ก เป็นต้น

– มีแผลในกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก กรดไหลย้อน

– มีภาวะเครียดหนัก ภาวะวิตกกังวล

– สูบบุหรี่เป็นประจำ

ซึ่งสาเหตุดังกล่าวเป็นเพียงสาเหตุเบื้องต้นเท่านั้น โดยในผู้ป่วยบางคนอาจเป็นภาวะผิดปกตินี้โดยไม่ทราบสาเหตุก็ได้เช่นกัน

วิธีช่วยย่อยอาหารแบบธรรมชาติที่ผู้บริโภคควรรู้

ระบบย่อยอาหารถือเป็นอีกระบบที่มีความสำคัญต่อร่างกาย แต่มักจะถูกมองข้ามความสำคัญไป ซึ่งหากระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติแล้ว ทุกคนทราบหรือไม่ว่าจะส่งผลโดยรวมต่อร่างกาย ดังนั้นการดูแลระบบย่อยอาหารด้วยการปรับพฤติกรรมก็จะสามารถช่วยให้ดีขึ้นได้ เช่น

– เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ช่วยให้กระเพาะอาหารไม่ต้องทำงานหนัก เพราะถ้ากระเพาะต้องย่อยมาก การหลั่งกรดในกระเพาะ และการบีบตัวของกระเพาะก็จะมากขึ้น

– ควรรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ในเวลาที่เหมาะสม และรับประทานอาหารแต่ละมื้อในเวลาเดียวกันทุกวัน

– ควรดื่มน้ำให้เพียงพอประมาณ 2 ลิตรต่อวัน เพราะน้ำทำหน้าที่ช่วยย่อยอาหารได้สะดวก จะเห็นว่าถ้าดื่มน้ำน้อย มักมีอาการท้องผูก และระบบย่อยอาหารทำงานยาก

– หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ทางที่ดีควรหันมาเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันน้อย เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา เป็นต้น

– ควรออกกำลังกายเป็นประจำ วันละ 20-30 นาที จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น และการขับของเสียออกจากร่างกายก็จะเป็นไปโดยธรรมชาติ

ซึ่งเพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารง่าย ๆ แบบนี้ เราก็จะสามารถดูแลรักษาระบบย่อยอาหารให้เป็นปกติ และทำงานได้ดีขึ้นด้วย

อาหารไม่ย่อย กินอะไรดี อาหารชนิดไหนกินแล้วช่วยย่อย กินแล้วย่อยง่าย

นอกจากพฤติกรรมจากข้อมูลด้านบนที่ได้กล่าวมาแล้ว สิ่งที่จะช่วยให้อาหารย่อยง่ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นั่นคือการเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณสมบัติย่อยง่าย หรือมีความสามารถในการช่วยย่อยนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น…

ผัก ผลไม้บางชนิด

ผักและผลไม้บางชนิดมีสรรพคุณที่ช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อหลังเรากินอาหารมื้อใหญ่ๆ ได้ เช่น สับปะรด และมะละกอสุก ที่มีเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีนอยู่ตามธรรมชาติ จึงช่วยแก้อาการแน่นท้องเวลาเรารับประทานเนื้อสัตว์เยอะ ๆ รวมถึงผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง อย่างมะเขือเทศ และกล้วยหอม ก็ช่วยลดอาการบวมน้ำและจุกแน่นในท้องได้ดีเช่นกัน

เครื่องดื่มสมุนไพร

ใครที่มีปัญหาจุกเสียดอาหารไม่ย่อยหลังทานข้าว อาจลองงดชา-กาแฟเย็น แล้วเปลี่ยนมาล้างปากด้วยน้ำมะนาว น้ำขิง หรือชาคาโมมายล์อุ่น ๆ แทน เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้มีสรรพคุณเป็นยาระบาย ช่วยขับลม กระตุ้นระบบย่อยอาหาร แถมยังแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อได้รวดเร็วทันใจอีกด้วย

ธัญพืช

เช่น เทียนข้าวเปลือก หรือยี่หร่าหวาน (Sweet Fennel) ที่มีสีนวลคล้ายข้าวเปลือก เม็ดอ้วนและใหญ่กว่ายี่หร่าที่เป็นเครื่องเทศ ส่วนใหญ่จะนำเมล็ดแห้งมาบดชงดื่มช่วยแก้อาหารไม่ย่อย ช่วยขับลม รวมถึงใช้ขับเสมหะและแก้ไอได้อีกด้วย

กลุ่มอาหารที่มีโพรไบโอติก

เนื่องจากโพรไบโอติก (Probiotics) คือจุลินทรีย์ชนิดดีที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลภายในทางเดินอาหาร ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคอื่น ๆ เข้ามารุกราน ลดอาการท้องผูก-ท้องเสีย และยังมีส่วนช่วยในการย่อยอาหารด้วย เราสามารถรับโปรไบโอติกส์ได้จากอาหารจำพวกนมเปรี้ยว โยเกิร์ต ซึ่งหากทานเป็นประจำก็จะช่วยแก้ปัญหาท้องอืดในระยะยาวได้

โยเกิร์ต ช่วยย่อยได้จริงไหม ควรกินเวลาใดจึงจะช่วยย่อยได้ดีที่สุด

เนื่องจากโยเกิร์ตเป็นแหล่งอุดมไปด้วยโพรไบโอติก ที่มีความสำคัญต่อระบบย่อยอาหาร สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของแบคทีเรียชนิดที่ดีในลำไส้ ซึ่งโดยทั่วไป มันจึงมีความสามารถในการช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย พร้อมทั้งโพรไบโอติกยังจะช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ส่งผลให้สุขภาพโดยรวมของร่างกายดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะหากกินโยเกิร์ตตอนท้องว่าง ในช่วงเช้าหรือก่อนเข้านอน จุลินทรีย์ชนิดดีและโพรไบโอติกจะเข้าไปจัดระเบียบบรรดาสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ ภายในกระเพาะอาหารและลำไส้ เช้ามาก็จะขับถ่ายคล่องตัวและง่ายขึ้นกว่าเดิม

และหลังจากโยเกิร์ตได้เข้าไปกระตุ้นระบบขับถ่ายแล้ว การที่ร่างกายขับถ่ายได้ดีขึ้น ก็เหมือนได้ดีท็อกซ์ลำไส้ไปในตัว ที่สำคัญยังจะส่งผลดีต่อการดูดซึมสารอาหารอีกด้วย ยิ่งกับคนที่มีพุงและรู้สึกอึดอัดท้อง ถ่ายยาก การได้รับโพรไบโอติกจากโยเกิร์ตเป็นประจำจะช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายได้ คราวนี้พุงที่เคยป่องและอึดอัดก็จะยุบลง เพียงกินโยเกิร์ตก่อนนอนติดต่อกันอย่างน้อย 1 สัปดาห์เท่านั้น

ด้วยข้อดีทั้งหมดของโยเกิร์ตที่ได้กล่าวมา จึงทำให้มันกลายเป็นไอเทมสุดฮิตอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่เพียงสายคนรักสุขภาพจะเลือกรับประทานเท่านั้น แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาอาหารย่อยยาก ขับถ่ายยาก ลำไส้ผิดปกติ ก็ยังเลือกรับประทานมันด้วยเช่นกันเพื่อประสิทธิภาพในการทำงานของระบบย่อยที่ดีขึ้น

โยเกิร์ตออแกร์นิคจาก Butterfly Organic

โยเกิร์ตออร์แกนิคของเรา ไม่ใช่แค่วัวที่เลี้ยงแบบกินหญ้า Grass Fed เท่านั้น แต่เป็นวัวที่กินหญ้าออร์แกนิค 100% (certified organic) ไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ หรือสารเคมีใด ๆ ทั้งกับตัววัวและพื้นที่ในฟาร์ม เราปล่อยวัวให้เดินเล่นในทุ่งกว้าง ไม่มีการกักขัง เพื่อให้วัวของเราได้มีสุขภาพแข็งแรง อารมณ์ดี เพื่อให้ผลผลิตดีตามไปด้วย จนเราได้รับการปิดฉลากจากมาตรฐานออร์แกนิค USDA (NOP) องค์กรที่ดูแลผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยออร์แกนิคโยเกิร์ต ชนิดคงตัวของเรานั้นมีคุณสมบัติที่ดีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น…

– ผลิตจากนมออร์แกนิคเต็มมันเนย เข้มข้น หอมมัน และหวานเบา ๆ แบบปราศจากเคมีด้วยน้ำตาลทรายออร์แกนิค

– มีจุลินทรีย์โพรไบโอติก (Probiotic) และจุลินทรีย์มีชีวิต (Live Yogurt Cultures)

– เชื้อจุลินทรีย์ที่ใช้ประกอบด้วย : Lactobacillus rhamnosus, Lactobacillus delbrueckii subsp. bulgaricus, Streptococcus thermophilus

– ไม่มีการปรุงแต่งด้วยสารเคมีต่าง ๆ เช่น สารเพิ่มความหนืด, สารเพิ่มความคงตัว ฯลฯ

– ไม่มีการผสมนมผง หรือแต่งกลิ่นสังเคราะห์ใด ๆ จึงเข้มข้น หอมมัน จากรสชาติของโยเกิร์ตจริง ๆ

อย่างไรก็ดี เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าโยเกิร์ตของเราปลอดภัย ไร้สารเจือปน ส่งตรงมาจากฟาร์มอย่างแน่นอน สำหรับผู้ที่สนใจสั่งสินค้าและดูสินค้าเพิ่มเติม สามารถติดตามผ่านไลน์ได้ที่นี่ (คลิก)

FAQ

กินอะไรแก้ท้องอืด อาหารไม่ย่อย

เมื่อเกิดอาการท้องอืด มีแก๊สอยู่ในกระเพาะอาหารหรือลำไส้มากเกินไป จนทำให้หลายคนเริ่มมองหายาขับลม แต่อาจยังไม่ทราบว่าผัก ผลไม้ และอาหารบางชนิดในชีวิตประจำวันของเราก็สามารถบรรเทาอาการดังกล่าวได้เหมือนกัน เช่น ควินัว, แตงกวา, ขึ้นฉ่ายฝรั่ง, สับปะรด, โยเกิร์ต, ขิง, มะละกอสุก, หน่อไม้ฝรั่ง

กินอะไรปรับสมดุลกระเพาะ

โยเกิร์ตเป็นเมนูที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับผู้มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้และระบบย่อย ซึ่งถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร เพราะอุดมไปด้วยจุลินทรีย์ชนิดดีหรือโพรไบโอติกในปริมาณสูง โดยมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร พร้อมป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับระบบทางเดินอาหารและการขับถ่าย จึงช่วยลดอาการท้องผูกได้พร้อมกันนั่นเอง

กินโยเกิร์ตทำให้ท้องอืดไหม

ไม่ เพราะโยเกิร์ตทำมาจากการหมักนมด้วยเชื้อจุลินทรีย์ชนิดดี กลุ่มโพรไบโอติกซึ่งเปลี่ยนน้ำตาลนม (แล็กโทส) เป็นกรดแล็กติก ทำให้คนที่ขาดน้ำย่อยสำหรับย่อยน้ำตาลนม กินโยเกิร์ตได้โดยไม่เกิดอาการท้องอืด หรือท้องเสียแต่อย่างใด

บทความล่าสุด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Privacy Policy และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า