สารบัญบทความ
Toggleหลายคนอาจยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับโยเกิร์ตนมเปรี้ยวและคิดว่าผลิตภัณฑ์ทั้งสองอย่างนี้เป็นคนละชนิดกัน แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้วโยเกิร์ตกับนมเปรี้ยวจัดอยู่ในประเภทเดียวกัน ว่าแต่มีหลักการเลือกทานอย่างไรเพื่อให้คุณมีสุขภาพดียิ่งขึ้น มาอ่านไปพร้อมกันเลย
โยเกิร์ตนมเปรี้ยว โยเกิร์ตพร้อมดื่ม หรือนมเปรี้ยว คืออะไร
โยเกิร์ตนมเปรี้ยว หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อโยเกิร์ต (Yogurt) หรือนมเปรี้ยว เป็นผลิตภัณฑ์นมซึ่งถูกจัดในกลุ่มของนมเปรี้ยว (Fermented milk) ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) โดยทาง มอก. ให้คำนิยามของนมเปรี้ยวเอาไว้ว่า เป็นผลิตภัณฑ์นมที่เกิดจากน้ำนมจากสัตว์ หรือส่วนประกอบของน้ำนมที่ผ่านการกำจัดจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคมาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงนำไปหมักด้วยจุลินทรีย์ชนิดดี ที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย แล้วนำมาเพิ่มค่าความเป็นกรด แล้วนำไปปรุงแต่งกลิ่น รส สี เติมสารอาหาร และส่วนประกอบอื่นที่นอกเหนือจากน้ำนมด้วย
นอกจากนี้ยังรวมถึงนมเปรี้ยวที่ผ่านการฆ่าเชื้อ แช่แข็ง หรือทำให้แห้งด้วยเช่นกัน ส่วนกระบวนการผลิตโยเกิร์ตจะนำน้ำนมมาหมักด้วยแบคทีเรียกลุ่มที่ผลิตกรดแลคติก (Lactic Acid Bacteria : LAB) เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีรสเปรี้ยว โดยค่า pH ที่ลดลงจะช่วยให้โปรตีนเสียสภาพและจับตัวตกตะกอน จนเกิดเป็นได้โยเกิร์ตที่มีเนื้อสัมผัสข้น แม้ว่าโยเกิร์ตโดยทั่วไปจะใช้นมวัวเป็นวัตถุดิบหลัก แต่อาจใช้นมจากสัตว์ชนิดอื่น หรือใช้ผลิตภัณฑ์จากพืชแทนได้ ส่วนวิธีการทำลายจุลินทรีย์ในนมนั้นจะใช้ความร้อน หรือที่เรียกว่า พาสเจอร์ไรซ์ (Pasteurization) อาจทำได้ 2 ได้แก่
- ใช้อุณหภูมิ 62.8 องศาเซลเซียส เพื่อฆ่าจุลินทรีย์เป็นเวลา 30 นาที
- ใช้อุณหภูมิ 77 องศาเซลเซียส เพื่อฆ่าจุลินทรีย์เป็นเวลา 15 วินาที
ประเภทโยเกิร์ตที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดในปัจจุบัน
1. โยเกิร์ตแท้ชนิดแข็งตัว (Set yogurt)
เป็นโยเกิร์ตที่ทำจากนมทั้งชนิดไขมันปกติและไขมันต่ำ มีเนื้อครีมกึ่งแข็งกึ่งเหลว รสชาติอมเปรี้ยว
2. โยเกิร์ตแท้ชนิดคน (Stirred yogurt)
เป็นโยเกิร์ตที่ทำจากนมชนิดไขมันปกติหรือไขมันต่ำ มีเนื้อเหลวกว่าโยเกิร์ตชนิดแข็งตัว ทางผู้ผลิตอาจเพิ่มเนื้อผลไม้เชื่อม และแต่งกลิ่นรสชาติต่าง ๆ เข้าไปเพิ่มเติมแล้วคนให้เนื้อสัมผัสมีรสเดียวกันและมีรสชาติอมเปรี้ยว
3. โยเกิร์ตปรุงแต่งชนิดดื่ม
เป็นโยเกิร์ตที่เติมน้ำหรือของเหลวอื่นเพื่อผสมให้เข้ากัน ได้แก่ น้ำผลไม้ หรือน้ำหวาน ช่วยให้รสชาติของโยเกิร์ตดูน่าทานมากยิ่งขึ้นเนื่องจากมีรสหวาน ทั้งนี้อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและต้องการดูแลสุขภาพ เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลมากกว่าโยเกิร์ตทั่วไป
4. โยเกิร์ตธรรมชาติ หรือกรีกโยเกิร์ต
เป็นโยเกิร์ตที่ผลิตมาจากนมและแบคทีเรียชนิดดีต่อร่างกายเฉกเช่นโยเกิร์ตทั่วไป เพียงแต่ต้องผ่านกระบวนการดูดน้ำและของเหลวที่ประกอบด้วยโปรตีนและแลคโตสออก จึงเหลือเพียงเนื้อโยเกิร์ตเข้มข้นเท่านั้น โยเกิร์ตประเภทนี้จึงอุดมไปด้วยโปรตีนจำนวนมากกว่าโยเกิร์ตทั่วไปถึง 2 เท่า เนื่องจากมีการกรองน้ำเวย์ออกบางส่วนทำให้เนื้อโยเกิร์ตเข้มข้นขึ้น นอกจากนี้ยังมีโพรไบโอติกส์ที่ดีต่อลำไส้และระบบย่อยอาหารอีกด้วย
ส่วนรสชาติจะคล้ายกับนมเปรี้ยว เพียงแต่มีรสหวานที่น้อยกว่า นอกจากนี้ยังมีความเป็นกรดในระดับที่เหมาะสม ร่างกายจึงดูดซึมสารอาหารจากโยเกิร์ตเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าโยเกิร์ตประเภทอื่น ส่วนเนื้อสัมผัสของโยเกิร์ตจะมีเนื้อแน่นและเข้มข้นกว่าโยเกิร์ตทั่วไป
5. โยเกิร์ตที่ไม่ได้ทำมาจากนม
เป็นโยเกิร์ตที่ทำจากนมที่ผลิตจากพืช ได้แก่ ถั่วเหลือง น้ำนมข้าว อัลมอนด์ ถั่วเหลือง แมคคาเดเมีย ข้าวโพด ฯลฯ เหมาะสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติ ส่วนรสชาติของโยเกิร์ตประเภทนี้จะแตกต่างจากโยเกิร์ตทั่วไป ข้อดีของโยเกิร์ตประเภทนี้คือปราศจากแลคโตส กลูเตน และคอเลสเตอรอล มีส่วนช่วยรักษาสมดุลของปริมาณไขมันในเลือด นอกจากนี้ยังมีสารกลุ่มไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ แถมยังย่อยง่ายและมีใยอาหารสูงช่วยเสริมประสิทธิภาพให้การขับถ่ายง่ายยิ่งขึ้น
นมเปรี้ยว ประโยชน์ที่มากกว่าความอร่อย
1. ป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปาก
จากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมาร์มารา (Marmara University) พบว่าโยเกิร์ตช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุได้ถึง 60% หากเทียบกับคนที่ไม่ได้กินโยเกิร์ตเป็นประจำ นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen sulfide) ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปากและลมหายใจมีกลิ่น
2. แก้ท้องผูก ช่วยควบคุมน้ำหนัก
โยเกิร์ตอุดมไปด้วยโปรตีนจึงช่วยให้อิ่มท้องง่าย แต่หากคุณต้องการลดน้ำหนัก แนะนำให้ทานกรีกโยเกิร์ต เนื่องจากมีโปรตีนมากกว่าโยเกิร์ตทั่วไปถึง 2 เท่า นอกจากนี้ยังให้ปริมาณแคลอรีต่ำอีกด้วย ทั้งนี้ควรทานโยเกิร์ตร่วมกับผลไม้สดเพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น แถมยังได้วิตามินและไฟเบอร์อีกด้วย
3. ลดระดับคอเรสเตอรอลในร่างกาย
โยเกิร์ตอุดมไปด้วยโพรไบโอติกส์ ช่วยลดระดับคอเรสตอรอลและไขมัน LDL ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่ดีต่อร่างกาย อีกทั้งช่วยลดระดับกลูโคส ไตรกลีเซอรไรด์ และน้ำตาลในเลือด อันเป็นสาเหตุของความดันโลหิต แถมยังช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพด้วย
4. ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น
โยเกิร์ตมีกรดอะมิโนและทริปโตเฟน ช่วยให้ร่างกายหลังฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ส่งผลให้นอนหลับสบายและยาวนานยิ่งขึ้น ลดอาการสะดุ้งตื่นกลางดึกได้ดี
5. ลดจำนวนเชื้อราในช่องคลอด
โยเกิร์ตประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และมีโพรไบโอติก ช่วยลดการเพิ่มจำนวนของเชื้อราในช่องคลอดและลดการตกขาวได้ดียิ่งขึ้น
6. ลดโอกาสเกิดมะเร็ง
แลคโตบาซิลัสในโยเกิร์ตจะช่วยจับกับสารก่อมะเร็งและช่วยยับยั้งแบคทีเรียในลำไส้ที่สร้างสารไนเตรท ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในลำไส้นั่นเอง
7. ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ
แลคโตบาซิลัสช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ
8. แก้ท้องเสีย
เนื่องจากเชื้อจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียภายในลำไส้ได้ดี การทานโยเกิร์ตจึงช่วยบรรเทาอาการท้องเสียของคุณได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ถ่ายน้อยลงหรืออาจหยุดถ่ายไม่เวลาไม่นาน
วิธีกินโยเกิร์ตอย่างไรให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งขึ้น
- เลือกโยเกิร์ตจากฉลาก แนะนำให้ดูปริมาณน้ำตาลที่ร่างกายได้รับจากโยเกิร์ตที่เขียนไว้บนฉลาก โดยทั่วไปโยเกิร์ตจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 140 กรัม โดยมีปริมาณน้ำตาลอยู่ที่ 6 – 27 กรัม ดังนั้นควรคำนวณปริมาณน้ำตาลจากน้ำตาล 1 ช้อนชา น้ำหนักประมาณ 5 กรัม ทางเราขอแนะนำให้นำปริมาณน้ำตาลบนฉลาก หารด้วย 5 เพื่อหาปริมาณน้ำตาลเป็นหน่วยช้อนชา ยกตัวอย่างเช่น ปริมาณน้ำตาลบนฉลากบอกว่ามี 25 กรัม เมื่อนำมาหารด้วย 5 (น้ำหนักของน้ำตาล 1 ช้อนชา) เท่ากับว่าโยเกิร์ตถ้วยนั้นมีน้ำตาลมากถึง 5 ช้อนชาเลยทีเดียว
- เลือกโยเกิร์ตมีวิตามิน D สูง เนื่องจากเป็นสารอาหารที่ช่วยต่อเสริมสร้างการดูดซึมแคลเซียมให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น และเมื่อร่างกายได้รับแคลเซียมเพียงพอต่อความต้องการแล้ว จะทำให้ระบบเผาผลาญและการลดน้ำหนักทำงานได้ดีด้วยเช่นกัน
- ทานวันละ 3 ถ้วย เพื่อการลดน้ำหนักที่เห็นผลชัดเจน นอกจากจะช่วยลดไขมันหน้าท้องแล้ว ยังช่วยเสริมระบบการเผาผลาญให้ทำงานดียิ่งขึ้นด้วย ทั้งนี้อาจใส่ผลไม้ที่มีเส้นใยสูงเพื่อให้รู้สึกสนุกและบำรุงร่างกายอีกด้วย
- ระวังโยเกิร์ตไขมันต่ำให้ดี หากคุณไม่ทันตรวจสอบปริมาณของสารอาหารอื่นที่อยู่ในโยเกิร์ตถ้วยนั้นให้ละเอียด และหลงกลกับคำว่า “ไขมันต่ำ” เมื่อทานเข้าไปแล้วเป็นประจำแล้ว อาจส่งผลให้ร่างกายได้รับพลังงานมากถึง 84 กิโลแคลอรี ส่งผลให้อ้วนง่ายขึ้นนั่นเอง
ทำไมต้องโยเกิร์ตออร์แกนิคจาก Butterfly Organic
เพราะเรา Butterfly Organic เข้าใจกลุ่มคนที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างจริงจังแต่ทำได้ยากและกลุ่มผู้ที่มีอาการแพ้นมวัว เราจึงตั้งใจคิดค้นโยเกิร์ตออร์แกนิคที่มีคุณภาพดีด้วยกรรมวิธีออร์แกนิกทุกขั้นตอน ปราศจากสารพิษทั้งระบบ จนเกิดเป็นนมและโยเกิร์ตเจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานออร์แกนิกระดับสากลจาก USDA
โยเกิร์ตของ Butterfly Organic ส่งตรงมาจากฟาร์มวัว จังหวัดสระบุรี กระบวนการผลิตทั้งหมดไม่มีการใช้สารเคมีและยาปฏิชีวนะใด ๆ ทั้งในพื้นที่และตัววัวที่ได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถันมายาวนานนับ 10 ปี และมีใบรับรองระดับสากล เพื่อสุขภาพที่ดี Butterfly Organic พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคดี ๆ ให้แก่ผู้บริโภค ทั้งนมสด, นมเปรี้ยว และโยเกิร์ตโพรไบโอติกส์ตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำแล้ววันนี้ หรือสามารถสั่งสินค้าผ่าน LINE OFFICIAL Butterfly Organic ได้เลย