สารบัญบทความ
Toggleเชื่อว่าประโยชน์ของโยเกิร์ตน่าจะเป็นที่ยอมรับกันอย่างเป็นสากลอยู่แล้ว แต่เบื้องลึกเบื้องหลังของซูเปอร์ฟู้ดชนิดนี้มีที่มาอย่างไร โยเกิร์ตทำมาจากอะไร วันนี้เรามาเก็บข้อมูลที่จะทำให้ทุกคนรู้จักโยเกิร์ตมากขึ้นกันดีกว่า บอกเลยว่าอาหารสุขภาพชนิดนี้มีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย ที่จะทำให้คุณกินโยเกิร์ตอร่อยมากขึ้นอย่างแน่นอน
กรรมวิธีการทำโยเกิร์ต
เรามาเริ่มต้นเพื่อเรียนรู้กันก่อนว่าโยเกิร์ตทำมาจากอะไร โดยเราได้สรุปเอาวิธีทำโยเกิร์ตมาให้คุณได้เข้าใจกันแบบง่าย ๆ เรียบร้อยแล้ว มีอะไรน่าสนใจบ้างเกี่ยวกับการผลิตอาหารเพื่อสุขภาพชนิดนี้ มาดูกัน
โยเกิร์ต ทําจากอะไรบ้าง
โยเกิร์ต ทํามาจากอะไรบ้าง หลัก ๆ แล้วมีส่วนผสมที่ใช้เหมือนกันเป็นสากลอยู่ดังนี้
- 杏
ส่วนนี้สามารถใช้ได้ทั้งนมสด และนมผง - กล้าเชื้อ
ตัวนี้จะนำมาหมักโยเกิร์ต โดยจะเป็นกลุ่มแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ดี อย่าง แล็กโทบาซิลลัส บัลการิคัส และสเตรพโตค็อกคัส เทอร์โมฟิลัส โดยเชื้อจะใช้น้ำตาลแลคโตสในนมเป็นแหล่งพลังงาน สร้างกรดแลกติก และกรดตัวนี้จะทำให้เคซีนสูญเสียสภาพธรรมชาติ เกิดการรวมตัวกัน ตกตะกอน โปรตีนในนมทำให้เกิดเจล ดังนั้นเมื่อจุลินทรีย์ทั้งสองรวมกันจะผลิตโยเกิร์ตได้เร็ว มีกลิ่น และรสชาติที่ดี โดยเรื่องของจุลินทรีย์ดีนั้นยังมีการเพิ่มเติมตามสูตรของแต่ละแบรนด์ได้อีกด้วย - ผลไม้ แยม วุ้นมะพร้าว เมล็ดธัญพืช ถั่วแห้ง สิ่งเหล่านี้สามารถเพิ่มเติมในโยเกิร์ต เพื่อเพิ่มประโยชน์ และความอร่อยให้มากขึ้น
- สารอิมัลซิไฟเออร์
- สารที่ทำให้คงตัว ซึ่งจะช่วยทำให้โยเกิร์ตเนื้อเนียน ไม่แยกชั้น
- สารปรุงแต่งรส และสีอื่น ๆ
กรรมวิธีการทำโยเกิร์ต
สำหรับขั้นตอนการทำโยเกิร์ตตามแบบฉบับมาตรฐานสากลจะมาพร้อมวิธีการทำ 5 ขั้นตอน ดังนี้
- การตรวจสอบคุณภาพน้ำนมดิบ
- การปรับมาตรฐานนม เพื่อปรับไขมันนม และปริมาณของแข็งทั้งหมดด้วยนมผง
- การฮอโมจิไนซ์ ให้นมและไขมันรวมตัวกันเป็นอิมัลชัน ไม่แยกชั้น โดยไขมันจะกระจายตัวเป็นหยดเล็ก ๆ ส่วนสารที่ทำให้คงตัวจะทำให้เนื้อเนียน มีกลิ่นและรสเป็นครีม
- การพาสเจอร์ไรซ์ ขั้นตอนนี้จะเป็นการฆ่าเชื้อ กำจัดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคออกไป และยังช่วยกำจัดอากาศที่อยู่ในน้ำนม ทั้งหมดจะทำให้เกิดสภาพต่อการเจริญเติบโตที่เหมาะสมของจุลินทรีย์ในกลุ่ม Lactobacillus
- การหมัก ขั้นตอนนี้จะทำการเติมกล้าเชื้อผสมเข้าไปในน้ำนม เพื่อให้ได้ค่า pH 4.4-4.5 ซึ่งการหมักจะมีทั้งแบบ โยเกิร์ตชนิดแข็งตัวที่จะหมักเพื่อรอให้แข็งตัวและจำหน่าย กับโยเกิร์ตชนิดคน ที่จะใส่ผลไม้ น้ำเชื่อม กลิ่นลงไป ให้นมแตกก้อนจากนั้นก็คน เทใส่ภาชนะรอจำหน่าย โดยตัวนี้เนื้อจะค่อนข้างเหลว
ประเภทของโยเกิร์ตที่มีให้เลือกในท้องตลาด
หลังจากที่ได้รู้แล้วว่าโยเกิร์ตทำมาจากอะไร และทำอย่างไร ในตอนนี้มีโยเกิร์ตประเภทไหนให้คุณได้เลือกบ้าง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นโยเกิร์ตมาจากประเทศอะไรก็มักจะมีรูปแบบให้เลือกที่ไม่ต่างกัน มีอะไรบ้าง มาดูกันเลย
经典、
ถ้าคุณมองหาการทำโยเกิร์ต เกาหลีแบบนี้ถือว่าเป็นที่นิยมมากที่สุด โดยเป็นการนำโยเกิร์ตที่หมักแล้วมาใส่ในบรรจุภัณฑ์รอการแข็งตัว จากนั้นก็นำมาจำหน่าย ซึ่งบางแบรนด์ก็อาจใส่ผลไม้รองก้น ให้ความรู้สึกคล้าย ๆ กับการกินไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ
โยเกิร์ตพร้อมดื่ม
โยเกิร์ตประเภทนี้จะเติมน้ำผลไม้ หรือน้ำเชื่อมลงไป ทำให้กลายเป็นน้ำ มักจะเรียกกันว่าเป็นนมเปรี้ยวมากกว่า และมักมาพร้อมรสชาติให้เลือกหลากหลาย
โยเกิร์ตชีส
โยเกิร์ตตัวนี้จะมีการเอาโปรตีนที่เหลวออกไป จากนั้นอัดให้แข็งตัว หรืออาจอยู่ในรูปแบบครีม
โฟรซเซ่นโยเกิร์ต
โยเกิร์ตประเภทนี้จะเป็นการนำโยเกิร์ตมาแช่แข็ง และจะมีลักษณะคล้ายกับไอศกรีม แต่มีไขมันน้อยกว่าไอศกรีม
กรีกโยเกิร์ต
ถือเป็นโยเกิร์ตที่เหมาะกับสายสุขภาพ และคนที่ต้องการคุมน้ำหนักมากที่สุด มีความหนา นุ่ม มาพร้อมโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และโซเดียมที่มากกว่าโยเกิร์ตทั่วไปหลายเท่าตัว และยังมีทั้งแบบไขมันต่ำ ไม่มีไขมันให้เลือก ทำให้แคลอรีต่ำตามไปด้วย
โยเกิร์ต 0 % และโยเกิร์ตสูตรอื่น ๆ กินกับอะไรแล้วอร่อยบ้าง
เรามานำเสนอแรงบันดาลใจในการเลือกกินโยเกิร์ตทุกสไตล์ ว่ากินกับอะไรแล้วเข้ากัน เพิ่มความอร่อยจนกลายเป็นเมนูโปรดที่ได้สุขภาพบ้าง บอกเลยว่าวันนี้นอกจากจะรู้ว่า โยเกิร์ตทำมาจากอะไร ยังรู้ด้วยว่าโยเกิร์ตกินกับอะไรได้บ้างอีกด้วย
โยเกิร์ตกับของคาว
ส่วนใหญ่การกินโยเกิร์ตในสไตล์นี้จะพบมากที่สุดในอินเดีย และเป็นอาหารของโซนตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก และกรีก โยเกิร์ตสามารถเป็นได้ตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย เครื่องเคียง ซุป เครื่องปรุง และน้ำสลัด บางตำรามีการนำเนื้อสัตว์ไปหมักกับโยเกิร์ต เพิ่มความนุ่ม หรือใครที่ดูแลหุ่นอยู่อาจใช้แทนสลัดครีม หรือครีมสดต่าง ๆ เช่น พวกซอสครีม ถือว่าเป็นรสชาติที่ทดแทนกันได้ดี
โยเกิร์ตกับของหวาน
เรื่องนี้ถือว่าคุ้นเคยกับคนไทยเรามากขึ้น เพราะมักจะนำโยเกิร์ตมาร่วมกับขนม อาหารเช้า หรือเป็นเมนูของกินเล่น หรือจะกินเพียว ๆ เป็นมื้อเช้า หรือก่อนนอนก็ได้ประโยชน์ที่ดี ให้ร่างกายซึมซับแบคทีเรีย ลดการท้องอืด มีโปรตีนสูง แต่ไม่แน่นท้องจนเกินไป ถือว่าวัตถุดิบนี้ผสมกับอะไรก็อร่อย
โยเกิร์ตกับเครื่องดื่ม
สมูทตี้โยเกิร์ตเป็นเมนูที่นิยมมากมาอย่างต่อเนื่อง แถมยังนำมาผสมกับผลไม้สด ๆ กินได้แบบทั้งอร่อยได้ประโยชน์ หรือจะปั่นกินเพียว ๆ ก็ได้รสชาติที่ดีไม่แพ้กัน ใครอยากเพิ่มความอร่อย เติมพลังงาน และความละมุนให้เครื่องดื่มบอกเลยห้ามพลาด
ไขข้อสงสัยโยเกิร์ตกินตอนไหนดีที่สุด
มาดูกันว่าคุณจะจัดตารางการกินโยเกิร์ตอย่างไรให้ได้ประโยชน์กับร่างกายมากที่สุด เพราะเมื่อรู้กันแล้วว่าโยเกิร์ตทำมาจากอะไร สารอาหารเหล่านั้นดีกับร่างกายของคุณอย่างแน่นอน
ช่วงเช้า
การเลือกกินโยเกิร์ตในช่วงเช้า หรือช่วงที่ท้องว่างจะให้ร่างกายสามารถดูดซึมประโยชน์ได้มากที่สุด
ช่วงกลางวัน
การกินโยเกิร์ตในช่วงนี้จะช่วยปรับสมดุลในระบบลำไส้ ช่วยให้ลำไส้ทำงานเบาลง
ช่วงเย็นหรือค่ำ
การเลือกกินช่วงนี้ดีกับระบบย่อยอาหารมากเป็นพิเศษ เพราะจะช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ช่วงก่อนนอน
ใครที่นอนหลับยาก การกินโยเกิร์ตมีส่วนช่วยให้รู้สึกง่วง เพราะเข้ามาช่วยกระตุ้นฮอร์โมนผ่อนคลาย ทำให้หลับสบายมากขึ้นอีกด้วย
Butterfly Organic ศูนย์รวมโยเกิร์ตหลากหลายสูตร พร้อมเสิร์ฟสุขภาพดีให้กับคุณ
ถ้าคุณต้องการเจอกับโยเกิร์ตที่มาพร้อมกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และยังเป็นการผลิตแบบออร์แกนิก แนะนำเลยว่า Butterfly Organic เป็นแหล่งโยเกิร์ต และผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณภาพที่มีสินค้าดี ๆ มอบให้กับคุณอย่างแน่นอน เพราะทางบริษัทได้พัฒนาออกแบบสูตรต่าง ๆ ให้คุณได้รับประโยชน์มากกว่าที่เคย
หากสนใจสั่งซื้อสินค้าสามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ 034 110 496 (สำนักงานใหญ่) หรือที่ LINE ตามความสะดวกกันได้เลย
คำถามที่พบบ่อย โยเกิร์ตทำมาจากอะไร
โยเกิร์ตถือว่าเป็นหนึ่งในของหมักดองประเภทหนึ่ง เพราะเกิดจากการเอา ‘น้ำนม’ จากสัตว์หรือพืชมาหมักด้วย ‘แบคทีเรีย’ กลุ่มที่ผลิตกรดแลกติก (Lactic Acid Bacteria : LAB) ซึ่งทำให้โยเกิร์ตมีลักษณะเฉพาะคือมีรสเปรี้ยว รวมทั้งทำให้โปรตีนในน้ำนมเสียสภาพและจับตัวตกตะกอนจนกลายเป็นเนื้อโยเกิร์ตที่มีลักษณะข้นหนืดนั่นเอง
โยเกิร์ตมีข้อดีเด่น ๆ คือ ดีกับระบบย่อยและขับถ่าย พร้อมเติมพลังงานที่ดีให้กับร่างกาย แต่ข้อเสียคือมีทั้งน้ำตาล และไขมัน ยิ่งกินมากก็ยิ่งได้รับน้ำตาลและไขมันในปริมาณมากขึ้น
การทำโยเกิร์ตนั้นต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพนม ปรับสภาพนม นำมาเติมหมัก ฆ่าเชื้อ และบรรจุตามมาตรฐานของแต่ละแบรนด์
ประโยชน์หลัก ๆ คือ ช่วยระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้ดีขึ้น ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ดี ช่วยควบคุมน้ำหนัก ช่วยลดกลิ่นปาก ช่วยเสริมสร้างคุ้มกัน และยังช่วยให้หลับสบาย