สารบัญบทความ
Toggleโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องอุ้มท้องเป็นระยะเวลาที่สำคัญมากๆ เพราะนอกจากจะต้องดูแลตนเองแล้วก็ต้องดูแลลูกในครรภ์ด้วย อย่างไรก็ดี การเลือกรับประทานอาหารที่เสริมสร้างภาวะทางร่างกายของคุณแม่ให้แข็งแรงจึงเป็นเรื่องที่ต้องคอยเอาใจใส่มากๆ เพราะหากทานอะไรที่ผิดพลาดไปอาจส่งผลเสียต่อลูกในท้องได้ด้วย ดังนั้น ในการเลือกทานโยเกิร์ตคุณแม่ต้องเลือกทานอย่างไร บทความนี้จะไขข้อสงสัยให้กับเหล่าคุณแม่ได้ชัดเจนมากขึ้น
โยเกิร์ต คือ…
คือ ผลิตภัณฑ์จากนมที่ผ่านการหมักโดยใช้แบคทีเรียโปรไบโอติก (Probiotics) ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดีตั้งแต่ 1 ชนิดขึ้นไป ซึ่งมีประโยชน์ในการฟื้นฟูและปรับสมดุลของแบคทีเรียในระบบย่อยอาหารและอวัยวะเพศหญิง และช่วยในการบรรเทาอาการท้องเสียหรือการติดเชื้อราในช่องคลอดให้ดีขึ้นได้
การผลิตโยเกิร์ตนั้น จะหมักน้ำนมด้วยแบคทีเรียกลุ่มที่ผลิตกรดแลกติก (Lactic Acid Bacteria : LAB) ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีรสเปรี้ยว ซึ่ง pH ที่ลดลงนี้จะทำให้โปรตีนเสียสภาพ (denature) และจับตัวตกตะกอน (curd) ทำให้ได้โยเกิร์ตที่มีลักษณะข้น การผลิตโยเกิร์ตโดยทั่วไปจะใช้น้ำนมวัวเป็นวัตถุดิบ แต่ก็สามารถใช้น้ำนมจากสัตว์ชนิดอื่น เช่น น้ำนมแพะ หรือผลิตภัณฑ์จากพืช เช่น น้ำนมถั่วเหลืองหรือกะทิมาแทนน้ำนมวัวได้
ชนิดของโยเกิร์ต มีอะไรบ้าง?
ในการผลิตโยเกิร์ต จะใช้น้ำนมเป็นส่วนประกอบหลักสำคัญของผลิตภัณฑ์ ซึ่งปริมาณไขมันที่เป็นส่วนผสมจะขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำนมที่นำมาผลิต โดยการแบ่งประเภทโยเกิร์ตตามมาตรฐานกฎหมายของโยเกิร์ตขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทางเคมีของผลิตภัณฑ์เช่น เปอร์เซ็นต์ไขมัน ปริมาณของแข็งที่ไม่ใช่ไขมัน (solid not fat หรือ SNF) หรือปริมาณของแข็งทั้งหมด ซึ่งมาตรฐานของ FAO/WHO กำหนดให้แบ่งชนิดของโยเกิร์ตตามปริมาณไขมัน ดังนี้
- “Full” สูงกว่า 3 เปอร์เซ็นต์
- “Medium” ประมาณ 3 – 0.5 เปอร์เซ็นต์
- “Low” ต่ำกว่า 0.5 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้โยเกิร์ตสามารถแบ่งได้ตามลักษณะเนื้อของมันได้อีกด้วย คือ โยเกิร์ตชนิดกวน และ โยเกิร์ตชนิดคงที่ โดยทั้ง 2 ชนิดมีแบคทีเรียที่ใช้ในกระบวนการผลิตเป็นเชื้อชนิดเดียวกัน แต่มีกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน ซึ่งก็จะมีข้อดี-ข้อด้อยที่แตกต่างกันออกไป
แม่ท้องกินโยเกิร์ต ได้ไหม ส่งผลยังไงต่อลูกในครรภ์
โยเกิร์ต จัดเป็นอาหารประเภท โพรไบโอติก ที่ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และยังเป็นอาหารที่ย่อยง่ายกว่านม เหมาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่แพ้โปรตีนหรือไม่สามารถย่อยนมได้ก็สามารถรับประทานโยเกิร์ตแทน
ทั้งนี้โยเกิร์ตยังเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญในการนำไปสร้างเสริมเนื้อเยื่อให้แก่เจ้าตัวน้อยที่อยู่ในครรภ์ให้สมบูรณ์แข็งแรง อุดมไปด้วยแคลเซียม และยังมีแบคทีเรียที่ช่วยทำให้การดูดซึมแคลเซียมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
อีกทั้งนอกจากจะช่วยไม่ให้คุณแม่เป็นตะคริวแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันของคุณแม่และลูกน้อยให้สมบูรณ์แข็งแรง ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน แบคทีเรียในโยเกิร์ตช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ที่จะไปทำลายเชื้อโรค และช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็งลำไส้ได้ ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย เพราะคนท้องส่วนมากมักมีอาการท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อ ลำไส้แปรปรวนและท้องเสียได้ง่าย ดังนั้นโพรไบโอติกในโยเกิร์ตจะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ด้วย
คนท้องกินโยเกิร์ตแบบไหน ถึงจะดีต่อสุขภาพช่วงตั้งครรภ์
เนื่องจากโยเกิร์ตนั้นมีหลายประเภทและหลายรูปแบบ จนอาจทำให้คุณแม่หลายๆ ท่านสับสนได้ว่าควรเลือกทานโยเกิร์ตแบบไหน และทานอย่างไรจึงจะเหมาะสมในช่วงตั้งครรภ์ ดังนั้นมาตามดูกันว่าโยเกิร์ตที่คุณแม่ท้องควรทาน ควรเป็นแบบไหนกันแน่
โยเกิร์ตที่เหมาะกับคนท้อง ควรเป็นโยเกิร์ตแบบไหน?
เราจะเห็นได้ว่าโยเกิร์ตมีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย ทั้งต่อตัวคุณแม่และลูกในครรภ์ แต่อย่างไรก็ตามคุณแม่ควรจะเลือกรับประทานโยเกิร์ตประเภทธรรมชาติแบบ Original เพราะเป็นโยเกิร์ตที่มีแค่เชื้อจุลินทรีย์และนมเท่านั้น ไม่มีการเพิ่มน้ำตาล ไม่ใส่ส่วนผสมอื่น และไม่ปรุงแต่งกลิ่นใด ๆ เพิ่มด้วยค่ะ ซึ่งถือว่าเหมาะกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก
โยเกิร์ตที่ไม่เหมาะกับคนท้อง มีประเภทไหนบ้าง?
แม้ว่าโยเกิร์ตจะเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็ยังมีโยเกิร์ตบางประเภทที่คุณแม่ควรหลีกเสียงการรับประทานในช่วงตั้งครรภ์ โดยโยเกิร์ตที่เป็นอันตรายต่อคุณแม่ท้อง มีดังนี้
โยเกิร์ตที่ทำมาจากน้ำนมดิบ
แน่นอนว่าโยเกิร์ตที่ทำมาจากนมดิบ หรือนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์ อาจเป็นอันตรายต่อคุณแม่ และทำให้เกิดการติดเชื้อ จนนำไปสู่การคลอดก่อนกำหนด หรือการแท้งบุตรได้
โยเกิร์ตโฮมเมด
แม้ว่าโยเกิร์ตโฮมเมดจะใช้นมที่ผ่านการพาสเจอรไรส์ก็ตาม แต่ก็อาจมีแบคทีเรียปะปนอยู่ได้ เนื่องจากปัจจัยทางด้านเวลา หรืออุณหภูมินั่นเอง
โยเกิร์ตธรรมดา
โยเกิร์ตธรรมดามีปริมาณไขมันดีที่สูง อาจส่งผลให้แม่ท้องมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นคุณแม่จึงควรเลือกรับประทานโยเกิร์ตไขมันต่ำแทนดีกว่า
โยเกิร์ต สําหรับทารก ต้องเลือกแบบไหน ให้ลูกกินโยเกิร์ตได้ตอนอายุเท่าไหร่?
โดยทั่วไปคุณแม่สามารถให้ลูกน้อยเริ่มกินโยเกิร์ตได้ เมื่อลูกเริ่มกินอาหารเสริม (อาหารชนิดอื่นนอกเหนือจากนมแม่) และคุณหมอหลายท่านแนะนำให้ลูกน้อยเริ่มกินโยเกิร์ตได้ เมื่ออายุ 9 เดือน หรืออาจจะรอให้ถึงอายุ 10 เดือน
โยเกิร์ตมีประโยชน์และมีคุณค่าทางโภชนาการต่อทารกที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน โดยโยเกิร์ตเป็นแหล่งโปรตีน นอกจากนี้โยเกิร์ตยังมีแลคโตสน้อยกว่าเมื่อเทียบกับนมวัว ทารกมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยน้ำตาลแลคโตสได้ และโยเกิร์ตเองถือเป็นโปรไบโอติกที่ความสำคัญในการช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกันของลำไส้ได้อย่างดี ซึ่งช่วยให้ร่างกายของลูกเข้าใจว่าแบคทีเรียชนิดใดเป็นอันตรายและชนิดไหนเป็นประโยชน์
ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ และไม่แนะนำผลิตภัณฑ์นมวัวอย่างอื่น สำหรับลูกที่อายุน้อยกว่า 1 ปี แต่สามารถการรับประทานโยเกิร์ตได้
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ประโยชน์ ต่อคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์
ให้แคลเซียม
โยเกิร์ตอุดมไปด้วยแคลเซียมมากมาย ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟันของทารก อีกทั้งยังช่วยในการทำงานด้านอื่นๆ ของร่างกาย นอกจากนี้การรับประทานโยเกิร์ตยังช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินในร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์อีกด้วย
ช่วยลดอาการเสียดท้อง
หากคุณแม่อยากรับประทานอาหารรสเผ็ดในช่วงตั้งครรภ์ สามารถรับประทานโยเกิร์ตเพื่อช่วยลดความอยากทาน และยังช่วยลดอาการเสียดท้อง และลดกรดในกระเพาะอาหารได้อีกเช่นกัน
ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน
โยเกิร์ตมีแบคทีเรียดีที่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อในกระเพาะอาหารได้ นอกจากนี้ยังช่วยในการบำรุงระบบย่อยอาหาร บรรเทาโรคต่างๆ และยังช่วยฟื้นฟูแบคทีเรียในลำไส้ โดยการเพิ่มระดับโปรไบโอติกได้ด้วย
ป้องกันความดันโลหิตสูง
ประโยชน์สำคัญอย่างหนึ่งของโยเกิร์ต ยังสามารถป้องกันความดันโลหิตสูงได้ด้วย เพราะความดันโลหิตสูงอาจส่งผลต่อร่างกายคุณแม่ และลูกในครรภ์ได้ ดังนั้นการบริโภคโยเกิร์ตระหว่างตั้งครรภ์สามารถควบคุมคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต และยังช่วยให้ร่างกายของคุณแม่สงบลงได้
แม่ท้องกินโยเกิร์ตต่อวันได้มากเท่าไหร่จึงจะพอดีและปลอดภัย?
คุณแม่สามารถรับประทานโยเกิร์ตไขมันต่ำ รสธรรมชาติ แบบไม่หวานได้ 600 กรัมต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากโยเกิร์ตแบบเต็ม ๆ โดยคุณแม่อาจรับประทานโยเกิร์ตคู่กับผลไม้ หรือใส่ในสลัด เพื่อช่วยให้รับประทานง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้คุณแม่ยังสามารถใส่น้ำผึ้งเล็กน้อยลงในโยเกิร์ต เพื่อช่วยเติมความหวานให้แก่โยเกิร์ตได้
ท้ายที่สุด สิ่งที่สำคัญในการรับประทานโยเกิร์ตของคุณแม่ก็คือ การต้องคัดสรรหรือพิจารณาเลือกโยเกิร์ตที่เหมาะกับคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์ เนื่องจากในช่วงตั้งท้องคุณแม่ต้องคอยคุมน้ำหนักและค่าน้ำตาลเพื่อไม่ให้ภาวะเบาหวานเกิดขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมโยเกิร์ตจากธรรมชาติหรือโยเกิร์ตออร์แกนิคจึงดีที่สุดสำหรับคุณแม่และเจ้าตัวเล็กในครรภ์
อย่างไรก็ดี ผู้เขียนขอแนะนำแบรนด์โยเกิร์ตออร์แกนิค อย่าง Butterfly Organic ที่พิถีพิถันตั้งแต่กระบวนการการผลิตที่มีคุณภาพและมาจากธรรมชาติ 100% จนได้เป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจากองค์กร USDA Organic (NOP) จากสหรัฐฯ ที่การันตีถึงความสด สะอาด และปลอดภัยจากขั้นตอนแรกสู่การจัดจำหน่ายสู่ผู้บริโภค ด้วยเหตุผลดังกล่าวผู้เขียนจึงมั่นใจว่าเป็นโยเกิร์ตที่เหมาะกับทั้งคุณแม่และลูกน้อยนั่นเอง
คำถามที่พบบ่อย
คุณแม่อาจสงสัยว่าคนท้องกินโยเกิร์ตได้หรือเปล่า คำตอบคือ ได้ เพราะโยเกิร์ตให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย โดยเฉพาะในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามโยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมดิบ และนมพาสเจอไรซ์ หากคุณแม่กำลังตั้งครรภ์ ควรรับประทานโยเกิร์ตพาสเจอไรซ์ มากกว่าโยเกิร์ตที่ทำมาจากนมดิบ เพราะในน้ำนมดิบนั้น อาจมีแบคทีเรียที่เป็นอันตราย เช่น แบคทีเรียลิสเทอเรียหรือซัลโมเนลลา เป็นต้น ซึ่งหากรับประทานไปแล้ว ก็อาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษได้ ดังนั้นคุณแม่จึงควรรับประทานโยเกิร์ตที่ทำมาจากนมพาสเจอไรซ์ เพราะมีความปลอดภัยมากกว่า
เพราะโยเกิร์ตอุดมไปด้วยแคลเซียมมากมาย ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟันของทารก อีกทั้งยังช่วยในการทำงานด้านอื่น ๆ ของร่างกาย นอกจากนี้การรับประทานโยเกิร์ตยังช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินในร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์อีกด้วย
ได้ เพราะโยเกิร์ตผ่านกระบวนการหมัก ทำให้มีรสเปรี้ยว และมีลักษณะข้น จึงจัดเป็นอาหารประเภทโพรไบโอติกที่ประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการขับถ่ายของคุณแม่ท้องได้ดีมาก โยเกิร์ตยังช่วยดูดซึมแร่ธาตุต่าง ๆ ดีขึ้นเช่น แคลเซียม วิตามินบี ทำให้คุณแม่และเจ้าตัวน้อยในท้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ส่งผลให้มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง
คุณแม่ที่ตั้งครรภ์สามารถทานโยเกิร์ตก่อนนอนได้เหมือนคนทั้วไป เนื่องจากโยเกิร์ตไม่ได้มีผลข้างเคียงต่อระบบการขับถ่าย ซึ่งหากรับประทานโยเกิร์ตที่เหมาะกับตัวคุณแม่ก็สามารถทานโยเกิร์ตได้ในหลายๆ ครั้งต่อวันรวมถึงทานคู่กับผักหรือผลไม้ได้ด้วย