นมขาดมันเนย ถือเป็นนมที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในหมู่คนที่ต้องการลดความอ้วนและควบคุมน้ำหนัก เนื่องด้วยกระบวนการการผลิตที่กรองไขมันออกให้เหลือในนมน้อยที่สุด จึงทำให้การดื่มนมชนิดนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เวิร์คสำหรับผู้ที่กำลังไดเอท อย่างไรก็ตามนอกจากนมชนิดนี้แล้ว ก็ยังตามมาด้วยนมไขมันอีกหนึ่งชนิดนั่นคือ นมพร่องมันเนย ที่อาจสร้างความสับสนให้แก่ผู้บริโภคว่าทั้ง 2 แบบนี้เหมือนกันไหม ควรเลือกดื่มอย่างไร เพราะหากเลือกดื่มผิดชนิด นั่นอาจหมายถึงเราทำผิดจุดประสงค์ของการดื่มนมทั้ง 2 ชนิดนี้เลยก็ว่าได้
“นมขาดมันเนย” นมเพื่อสุขภาพที่คนยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม
สำหรับกลุ่มคนรักสุขภาพ ห่วงน้ำหนักของตัวเองเป็นพิเศษ เชื่อว่าส่วนใหญ่ที่เลือกการออกกำลังกายและกินอาหารที่มีประโยชน์ จะใส่ใจกับรายละเอียดของเมนูอาหารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสารอาหารที่ได้รับ ปริมาณคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล และโซเดียม ทำให้ในปัจจุบันมีการออกผลิตภัณฑ์ที่เน้นเอาใจผู้ต้องการลดน้ำหนักโดยเฉพาะ จัดอยู่ในกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพมีพลังงานและไขมันต่ำ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเมนูที่ช่วยดูแลหุ่นสวย ๆ ให้ปลอดภัยจากความอ้วนได้เช่นเดียวกันกับ “นมพร่องมันเนย” หรือ “นมขาดมันเนย ไขมันต่ำ” ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่นั่นเอง
แต่ทุกคนสงสัยกันไหมว่า นมทั้ง 2 แบบที่มีชื่อที่คล้ายคลึงกันนี้ มีข้อแตกต่างอย่างไรบ้าง และควรเลือกแบบไหนจึงจะเหมาะสมกับเรา Butterfly Organic มีคำตอบมาฝากกันในบทความนี้
Butterfly live in Bangkok !!
New Distribution Hub
โรงงานผลิตเครื่องดื่ม OEM บริการครบวงจร มาตรฐานสากลมาตรฐานระดับโลกเเบบครบวงจร ผลิตสินค้าทุกชิ้นภายใต้มาตรฐานระดับสากลไม่ว่าจะเป็น HACCP, Halal และ USDA Organic
นอกจากการรับผลิตสินค้า OEM แล้ว เรายังมี Butterfly Hub บริการให้เช่าพื้นที่ห้องเย็น พร้อมส่งสินค้าถึงมือลูกค้า นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ให้ประชุม ออฟฟิศให้เช่า และพื้นที่คาเฟ่ให้ทุกคนมาขายสินค้า และแชร์แลกเปลี่ยนแนวคิด สำหรับสังคมคนรักสุขภาพ หากสนใจติดต่อเรา Butterfly Hub
พร่องมันเนย กับ ขาดมันเนย ต่างกันอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง
นมทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีชื่อและกระบวนการผลิตที่คล้ายคลึงกัน แต่แท้จริงแล้วมีข้อแตกต่างกันอยู่ ซึ่งจะมีอะไรบ้าง ตามมาดูไปพร้อม ๆ กัน
พร่องไขมัน คือ
คือ กระบวนการแยกไขมันออกไปบางส่วน ทำให้เหลือไขมันอยู่ในนมในปริมาณที่น้อยลง และเมื่อมีไขมันน้อยก็ย่อมให้พลังงานต่ำตามไปด้วย แต่ทราบหรือไม่ว่า การดึงเอาไขมันส่วนนี้ออกไป จะกระทบต่อสารอาหารบางอย่างที่มีคุณสมบัติละลายได้ดีในไขมัน ซึ่งได้แก่ วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินดี และวิตามินเค แน่นอนว่าเมื่อไขมันลดวิตามินเหล่านี้ก็จะลดลงตามไปด้วย ประโยชน์ที่ร่างกายควรจะได้รับก็จะหายไปตามสัดส่วนของไขมันที่หายไป แต่ถ้าพูดถึงแร่ธาตุ อย่างพวกแคลเซียมและฟอสฟอรัส ก็ถือว่ามีปริมาณที่ใกล้เคียงกับนมสด 100% ไม่แตกต่างอย่างชัดเจนมากนัก
ดังนั้นนมพร่องมันเนย จึงเป็นนมที่ถูกแยกมันเนยออกมาเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งมีส่วนประกอบของไขมันอยู่ไม่เกิน 15% จึงเหมาะกับคนที่มีไขมันในหลอดเลือดสูง หรือใครก็ตามที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก แต่ยังอยากได้รับสารอาหารจากนมวัวอยู่
ขาดมันเนย คือ
คือ กระบวนการสกัดเอาไขมันในนมออกจนหมดหรือเหลือไขมันเพียง 0.15% ส่วนใหญ่บนฉลากจะเขียนว่า ‘ไขมัน 0%’ แคลอรีหรือพลังงานที่ได้จากนมขาดมันเนยจึงน้อยกว่านมทั่ว ๆ ไป และน้อยกว่านมพร่องมันเนย รวมถึงรสชาติอาจจะจืดกว่า เนื้อสัมผัสก็ไม่เข้มข้นเท่านมประเภทอื่น ๆ เพราะขาดความหอมมันจากไขมันนั่นเอง
ดังนั้นนมขาดมันเนย คือ “หางนม” เป็นนมที่ถูกแยกมันเนยออกเกือบหมด ทำให้ไม่ได้สารอาหารประเภทไขมันและวิตามินบางชนิดที่ละลายในไขมัน จึงเหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
นมไขมันต่ำแบบพร่องมันเนย vs นมขาดมันเนย อันไหนดีกว่ากัน?
ด้วยรสชาติของนมที่ผ่านการกรองเอาไขมันนมออกไปมากที่สุด ทำให้รสชาติของมันไม่เข้มข้นหอมมันเหมือนนมธรรมดา ซึ่งเชื่อกันว่าการนำเอาไขมันเหล่านี้ออกไปจะมีผลที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า หากเปรียบเทียบระหว่างนมทั้งสองชนิด นมแบบธรรมดาจะมีไขมันชนิดอิ่มตัวอยู่ราว ๆ 3.9 เปอร์เซ็นต์ มีผลกระตุ้นทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง และผู้ป่วยโรคหัวใจ แตกต่างจากนมพร่องมันเนยที่มีเพียงแค่ 0.1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น การรีดเอามันเนยบางส่วนออกนี้จะไม่ได้ถูกนำออกทั้งหมด แต่มันเนยจะมีอยู่ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์จึงเรียกว่านมพร่องมันเนย
แต่สำหรับนมที่มีไขมันเหลือเกือบ 0 เปอร์เซ็นต์ หรือเทียบเท่าจะเรียกกันว่านมขาดมันเนย ส่วนมันเนยที่ถูกแยกออกไปนี้ ไม่ได้นำไปทิ้งแต่อย่างใด ทว่าจะนำไปใช้แปรรูปให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์นมชนิดอื่นต่อไป
ทั้งนี้จากปริมาณไขมันและคุณค่าทางสารอาหารที่แตกต่างกัน ก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่านมทั้ง 2 ชนิดนี้แบบไหนเหมาะกับใครบ้าง โดยนมพร่องมันเนยจะเหมาะกับคนที่มีไขมันในหลอดเลือดสูง หรือใครที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก แต่ยังอยากได้รับสารอาหารจากนมวัวค่อนข้างครบถ้วน ส่วนนมขาดมันเนยจะเหมาะกับผู้ที่เน้นกับการลดน้ำหนักนั่นเอง
นมขาดมันเนย ประโยชน์โดดเด่นที่ทำให้คุณต้องเลือก
กลายเป็นภาพจำกันไปแล้วว่านมชนิดนี้เป็นนมอันดับต้น ๆ ที่คนลดน้ำหนักจะเลือกดื่ม แต่ทุกคนทราบหรือไม่ว่านมขาดมันเนยมีประโยชน์ที่โดดเด่นมากมายที่ให้มากกวาการลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็น…
1. ดื่มแล้วสุขภาพดี
นมช่วยลดการสร้างไขมันและการสะสมไขมันในร่างกาย ลดการผลิตคอเลสเตอรอลของตับ ทำให้ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง ทั้งนี้ในนมยังมีวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งอีกด้วย
2. ช่วยบำรุงผิวพรรณ
นมมีกรดแลคติกที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า ผลัดเซลล์ผิวใหม่ และมีเอนไซม์ทำให้ผิวเรียบเนียน รวมไปถึงกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเต่งตึง มีความชุ่มชื้น และยังสามารถป้องกันไม่ให้ผิวเสียหายจากมลพิษภายนอกเพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระด้วย
3. ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
นมเป็นแหล่งแคลเซียมที่สำคัญมาก เด็กในวัยเจริญเติบโตจึงควรดื่มนมในปริมาณที่เหมาะสมทุกวันเพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟัน ขณะที่ผู้ใหญ่เองก็ต้องดื่มนมเพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุนนั่นเอง
4. สร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
นมมีโปรตีนที่ช่วยในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ โดยควรเลือกดื่มนมที่ไม่ปรุงแต่งรสหวาน
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้สูงอายุและบุคคลกลุ่มเสี่ยงหรือมีโรคประจำตัวในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงและโรคอ้วน เป็นต้น ควรบริโภคนมพร่องมันเนย หรือเลือกนมขาดมันเนย เพื่อควบคุมปริมาณไขมันที่บริโภคเข้าสู่ร่างกาย
รวมถึงเรื่องระบบการย่อยอาหารของผู้สูงอายุ ซึ่งนมที่ถูกดึงไขมันออกไป มีผลทำให้เรื่องการย่อยการและดูดซึมได้ง่ายขึ้นอีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรดื่มในปริมาณที่เกิน 3 แก้วต่อวัน เพราะอาจส่งผลให้เกิดโรคบางชนิดได้ เช่น โรคพาร์กินสัน เป็นต้น ดังนั้น จึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น
สำหรับท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้และสนใจผลิตภัณฑ์นมพร่องมันเนยแบบออแกนิคสามารถที่จะสั่งซื้อกับทางเราได้ เราได้รับมาตรฐาน USDA เป็นเจ้าเดียวที่ได้รับในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
FAQ
คำตอบคือ ดี เพราะเป็นนมที่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาไขมันในเลือดสูงหรือคนที่ต้องการกำจัดปริมาณไขมันในร่างกาย รวมถึงผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก แต่ต้องไม่ลืมบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น (ไม่เกิน 3 แก้วต่อวัน) จึงจะเกิดผลดีตามที่หวังได้
