butterfly organic

โยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์สูง คืออะไร มีลักษณะอย่างไร  กินแล้วต้องได้จุลินทรีย์ตัวไหนบ้าง ?

Butterfly Organic

Butterfly Organic

สารบัญบทความ

โยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์สูง ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวช่วยที่สำคัญของคนรักสุขภาพมาอย่างยาวนาน แน่นอนว่าสาเหตุที่ทำให้มันเป็นตัวเลือกของใครหลายๆ คนก็เป็นเพราะคุณประโยชน์ด้านต่างๆ ที่โยเกิร์ตให้ต่อร่างกายของผู้รับประทานนั่นเอง และสิ่งสำคัญที่ทำให้โยเกิร์ตมีคุณค่าเช่นนี้ก็คือ “จุลินทรีย์” ในโยเกิร์ตนั่นเอง อย่างไรก็ดี เชื่อว่าผู้บริโภคต้องได้ยินกันมานานเกี่ยวกับจุลินทรีย์ดังกล่าว แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเราได้ยินเกี่ยวกับมันมากพอแล้ว ในบทความนี้ Butterfly Organic จึงได้นำข้อมูลเกี่ยวกับคือ “จุลินทรีย์” ในโยเกิร์ตมาฝาก เพื่อให้ผู้บริโภคได้ลองอ่านกัน

จุลินทรีย์ คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

หากพูดถึง “จุลินทรีย์” แบบปกตินั้น จะหมายถึง สิ่งมีชีวิตมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ประกอบด้วยเซลล์เดียว (Unicellular) หรือหลายเซลล์ (Multicellular) แต่ทว่าเซลล์เหล่านั้นต่างก็เป็นเซลล์ชนิดเดียวกันและมีรูปร่างเหมือนกัน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เพื่อทำหน้าที่เฉพาะเหมือนในสิ่งมีชีวิตชั้นสูง สามารถแบ่งออกได้หลายประเภทด้วยกัน คือ

แบคทีเรีย (Bacteria)

จุลินทรีย์กลุ่มนี้มีหลากหลายสายพันธุ์ ที่รวมตัวกันอยู่ในกองปุ๋ยหมัก และในหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำขายเป็นการค้า มีบทบาทอย่างมากในการย่อยสลายอินทรียวัตถุและปลดปล่อยธาตุอาหารที่สำคัญให้กับพืช

เชื้อรา (Fungi)

จุลินทรีย์กลุ่มเชื้อรามักจะพบในกองปุ๋ยหมักเสมอ มักจะพบเติบโตในช่วงแรกๆ ของการหมักดองปุ๋ย และจะพบบริเวณด้านนอกผิวของกองปุ๋ยหมักเป็นจำนวนมาก 

โปรโตซัว (Protozoa)

เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวขนาดเล็กที่จัดได้ว่ามีความสำคัญมากในระบบนิเวศ อาศัยอยู่ในน้ำ ในดิน หรือเป็นปรสิต ชนิดที่เป็นปรสิตบางชนิดอาศัยอยู่ในทางเดินอาหารของปลวก เพื่อช่วยย่อยเนื้อไม้ จุลินทรีย์โปรโตซัวมีความสำคัญมากเพราะสามารถย่อยสลายอินทรียวัตถุได้อย่างรวดเร็ว

สาหร่าย (Algae)

แตกต่างจากจุลินทรีย์ชนิดอื่น ตรงที่มีคลอโรฟิลล์ มักเห็นเซลล์เป็นสีเขียว มีลักษณะเซลล์เหมือนแบคทีเรีย สาหร่ายพวกนี้ไม่มีคลอโรพลาสต์ ดังนั้นคลอโรฟิลล์จึงกระจายอยู่ทั่วไปในเซลล์ เจริญเติบโตได้ดีในนาข้าว โดยจุลินทรีย์แต่ละตัวก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ส่วนจุลินทรีย์ที่อยู่ในอาหาร มักประกอบด้วย แบคทีเรีย ยีสต์ รา โดยจะมีประโยชน์ในเรื่องของ  การช่วยยืดอายุการเก็บอาหาร และ การเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ เช่น วิตามินบีที่ได้จากเซลล์ยีสต์ เป็นต้น

จุลินทรีย์ในโยเกิร์ต คืออะไร มีกี่ชนิด อะไรบ้าง?

จุลินทรีย์ในโยเกิร์ต คือ แบคทีเรียที่เกิดจากการหมักโดยใช้แบคทีเรียโปรไบโอติก (Probiotics) ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดีตั้งแต่ 1 ชนิดขึ้นไป ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้มีประโยชน์ในการฟื้นฟูและปรับสมดุลของแบคทีเรียในระบบย่อยอาหารและอวัยวะเพศหญิง การรับประทานโยเกิร์ตจึงอาจช่วยในการบรรเทาอาการท้องเสียหรือการติดเชื้อราในช่องคลอดให้ดีขึ้นได้

ยเกิร์ตมีจุลินทรีย์กี่ตัว

โยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ ชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายล้านตัว หรือที่รู้จักกันในนามของ โพรไบโอติกส์(probiotics) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตและเมื่อเรารับประทานอาหารที่มีจุลินทรีย์ชนิดนี้แล้วจะก่อให้เกิดผลดีต่อร่างกาย เนื่องจากจะทำให้ร่างกายมีการปรับจำนวนจุลินทรีย์ที่อยู่ในระบบทางเดินอาหารจนอยู่ในสภาพสมดุล ปกติจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารมีประมาณ 400 – 500 ชนิด และมีปริมาณรวมกันประมาณร้อยล้านล้านตัว

ตัวอย่างแบคทีเรีย เช่น แลคโตบาซิลลัสแอซิโดฟิลัส (Lactobacillus Acidophilus) แลคโตบาซิลลัส แรมโนซัส (Lactobacillus Rhamnosus) แลคโตบาซิลลัส บัลการิคัส (Lactobacillus Bulgaricus) เอนเทอโรค็อกคัส ฟีเชียม (Enterococcus Faecium) สเตรปโตค็อกคัส เทอร์โมฟิลัส (Streptococcus Thermophilus) และอีกหลากหลายชนิด

จุลินทรีย์ในโยเกิร์ต ประโยชน์ที่นิยมถูกนำมาใช้

ประโยชน์ ของโยเกิร์ตที่นิยมนำมาใช้มักเป็นการการรักษาหรือป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะอาหารและระบบทางเดินปัสสาวะ ลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง หรือผู้ที่แพ้น้ำตาลแลคโตสบางคนก็เลือกรับประทานโยเกิร์ตแทนนม สารพัดสรรพคุณของโยเกิร์ตที่เชื่อกันนั้นเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด หากพิจารณาตามการศึกษาทางวิทยาศาสตร์สามารถแบ่งระดับประสิทธิภาพของโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์โปรไบโอติกกับการรักษาโรคต่าง ๆ

“จุลินทรีย์โยเกิร์ต” อยากทานโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์สูงๆ ต้องเลือกยังไง ทานแล้วต้องได้จุลินทรีย์ตัวไหนบ้าง?

โดยวิธีการเลือกโยเกิร์ตให้มีคุณภาพและมีความเหมาะสมกับตนเอง ผู้บริโภคสามารถทำตามได้ง่ายๆ คือ

เลือกที่ไขมันน้อยหรือไม่มีไขมัน

เพราะร่างกายมักจะได้รับไขมันและพลังงานจากการรับประทานอาหารมื้อหนัก ๆ มาแล้ว ไม่ควรต้องมาเพิ่มไขมันกับเมนูรองท้องหรือของว่างระหว่างวันอย่างโยเกิร์ต เพื่อลดความเสี่ยงของการเพิ่มไขมัน และคอเลสเตอรอล

เลือกไขมันต่ำและไม่มีน้ำตาล

เราอาจจะเลือก โยเกิร์ต ที่ไขมันต่ำหรือไม่มีไขมันแล้วก็จริง แต่บางยี่ห้อเพื่อทดแทนรสชาติที่สูญเสียไปกับไขมัน ผู้ผลิตจึงมีการเพิ่มน้ำตาลลงไปเพื่อไม่ให้โยเกิร์ตจืดชืดจนไม่รู้รส อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเลือกแบบไม่มีไขมัน แต่ก็ยังมีน้ำตาลซึ่งอาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพได้อยู่ดี ดังนั้นเมื่อเลือกไม่มีไขมันแล้วก็ต้องเลือกที่ไม่มีน้ำตาลด้วย

เลือกที่ปริมาณของโปรตีน

โยเกิร์ตให้โปรตีนสูงอยู่แล้ว แต่ถ้ามีโยเกิร์ตหลากหลายยี่ห้อจนเลือกไม่ถูกล่ะก็ ให้ตัวเลขของโปรตีนเป็นตัวตัดสินก็ได้นะ เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายจะได้รับโปรตีนที่มีประโยชน์ในปริมาณสูง ซึ่งดีต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย แถมยังช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้นด้วย

เลือกตามส่วนผสม

หลายคนอาจมีอาการแพ้ต่อสารอาหารหรือส่วนผสมบางอย่างในโยเกิร์ต เช่น ผลไม้ เจลาติน จึงควรเลือกโยเกิร์ตที่ไม่มีส่วนผสมที่จะเป็นสาเหตุของอาการแพ้ต่างๆ

เลือกโยเกิร์ตจากธรรมชาติ

เนื่องจากโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ทั้งรสชาติดีเเละมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เเถมน้ำตาลยังต่ำกว่าโยเกิร์ตแบบปรุงแต่งอีกด้วย นั่นจึงทำให้โยเกิร์ตชนิดนี้ควรเป็นโยเกิร์ตที่เหมาะสมกับผู้บริโภคทุกเพศและทุกวัยมากที่สุดนั่นเอง

เลือกตามความสมบูรณ์ของจุลินทรีย์

ในการผลิตโยเกิร์ตนั้นจะใช้เชื้อแบคทีเรียสองชนิดร่วมกันทำให้ผลิตโยเกิร์ตได้เร็วขึ้น มีกลิ่นและรสชาติดีกว่าใช้เชื้อชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงชนิดเดียว  เนื่องจากแบคทีเรียทั้งสองชนิดนี้จะทำงานเสริมซึ่งกันและกัน (synergy) นั่นคือพรีไบโอติกส์ และ โพรไบโอติกส์นั่นเอง โดยอัตราส่วนของเชื้อแบคทีเรียทั้ง 2 ชนิดและสายพันธุ์ที่คัดเลือกมาเป็นหัวเชื้อจะมีผลต่อรสชาติและกลิ่น(flavor) รวมทั้งเนื้อสัมผัส (texture) ของโยเกิร์ต ซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อที่ผลิตออกมาขาย โดยตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) จะเรียกโยเกิร์ตที่ผ่านการปรุงแต่งกลิ่น รส สี หรือเติมผลไม้ลงไปว่า โยเกิร์ตปรุงแต่ง (flavoured yogurt) ทั้งโยเกิร์ตและโยเกิร์ตปรุงแต่งจะต้องมีจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมักที่มีชีวิตคงเหลืออยู่เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์อย่างครบครัน

อย่างไรก็ตาม ผู้อ่านจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจุลินทรีย์จากโยเกิร์ตนั้นจะมีมากแค่ไหน แต่จุลินทรีย์ตัวสำคัญที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องได้ ก็คือ จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ ซึ่งเป็นชนิดที่ควรมีอยู่ในโยเกิร์ตทุกๆ ตัว เนื่องจากเป็นจุลินทรีย์ที่เกิดจากการหมักโยเกิร์ตตามธรรมชาติ แถมยังให้คุณประโยชน์หลายประการต่อร่างกายด้วย ทั้งนี้อีกหนึ่งจุลินทรีย์ที่จำเป็นที่ผู้บริโภคควรได้รับคือ พรีไบโอติกส์ จุลินทรีย์ตัว support ที่ช่วยให้โพรไบโอติกส์ทำงานได้ดีขึ้นนั่นเอง

โพรไบโอติกส์ จุลินทรีย์ทางเลือกเพื่อสุขภาพ

โพรไบโอติกส์ (Probiotic) จุลินทรีย์ชนิดดีที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อรับประทานเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมจะมีส่วนช่วยส่งเสริมสุขภาพได้ โดยจุลินทรีย์ประเภทนี้จะมีคุณสมบัติทนต่อกรดและด่าง สามารถจับผิวของเยื่อบุลำไส้เพื่อผลิตสารต่อต้านหรือกำจัดเชื้อจุลินทรีย์อื่นๆ ในลำไส้ของเรา เพื่อให้มีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น มีบทบาทในการช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคจับที่ผิวเยื่อบุลำไส้โดยสร้างเกราะป้องกันบริเวณเยื่อบุลำไส้เอาไว้ อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อที่ฉวยโอกาสในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ ทั้งยังกระตุ้นระบบย่อยอาหารโดยตรง ช่วยรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกายที่เสียไป และมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันเข้าสู่ภาวะสมดุลได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการทำงานวิจัยที่นำโพรไบโอติกส์มาใช้ในการรักษาโรคร่วมด้วย ซึ่งจากผลวิจัยพบว่าส่งผลดีต่อร่างกาย สำหรับกรณีเกิดอาการอาหารเป็นพิษ ท้องเสียจากการที่ร่างกายไม่ย่อยน้ำตาลแลคโตสในนม ท้องเสียจากการกินยาปฏิชีวนะ ไปจนถึงปัญหาโรคภูมิแพ้ เป็นต้น

BUTTERFLY Pro Plus Drinking Yogurt จาก Butterfly Organic

โยเกิร์ตตัวใหม่จาก จาก Butterfly Organic  ที่มีจุดเด่นอย่างมากในเรื่องของจุลินทรีย์จำเป็นจากโยเกิร์ตซึ่งทำให้ผู้บริโภคได้รับปริมาณของจุลินทรีย์ที่สูงขึ้นและครบครันมากขึ้น ซึ่งจุดโดดเด่นดังกล่าว เช่น

  • มีชนิดจุลินทรีย์ที่ดีมากถึง 7 สายพันธ์ุ (เชื้อโพรไบโอติกส์* 5 สายพันธุ์ + เชื้อโยเกิร์ต 2 สายพันธุ์)
  • Bifidobacterium
  • Lactobacillus acidophilus
  • Lactobacillus rhamnosus
  • Lactobacillus paracasei
  • Bacillus coagulans
  • Lactobacillus delbrueckii subsp. Bulgaricus
  • Streptococcus thermophilus
  • มีปริมาณจุลินทรีย์มีชีวิต 40,000 หมื่นล้านตัวต่อขวด (Live Active Cultures > 40,000 CFU/Bottle)
  • มีทั้ง Probiotic และ Prebiotic  ใช้ Inulin Fiber  (Fructo oligosaccharide)  เป็น Prebiotic

ทั้งนี้ Pro Plus เป็นผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตพร้อมดื่มเนื้อสัมผัสนุ่มสมูทตี้ ที่ผสานคุณประโยชน์ ระหว่าง Probiotic + Prebiotic Yogurt กับ Super Fruit มาเป็นผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตพร้อมดื่มที่มีรสชาติกลมกล่อมอย่างลงตัว ไม่เพียงจะได้ประโยชน์จากนมและเชื้อจุลินทรีย์ที่ดี ยังได้ประโยชน์ เต็มๆ จากผักและผลไม้ที่มากคุณประโยชน์ อย่าง พุทราจีน อาซาอิเบอร์รี่ และ เคล รวมถึงประโยชน์ จากน้ำผึ้งแท้ที่ใช้เป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติ ไม่มีการเติมหรือปรุงแต่งด้วยสารเพิ่มความคงตัวและ ไม่ปรุงแต่งกลิ่นรสใดๆ สามารถหาซื้อรับประทานได้แล้วที่ร้านค้าชั้นนำทั่วไป หรือสามารถสั่งสินค้าผ่าน LINE OFFICIAL Butterfly Organic ได้เลย

FAQ : คำถามที่พบบ่อย

จุลินทรีย์ในโยเกิร์ตมีกี่ชนิด

ในโยเกิร์ตจะประกอบด้วยแบคทีเรียหลักๆ 2 ชนิดด้วยกันคือ Lactobacillus bulgaricus และ Streptococcus themophilus โดยแบคทีเรียเหล่านี้จะทำหน้าที่เปลี่ยนนมให้เป็น โยเกิร์ตนั่นเอง

บทความล่าสุด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Privacy Policy และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า