สารบัญบทความ
Toggleโรคภูมิแพ้ โรคใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม เพราะแม้จะจะไม่ได้อันตรายถึงชีวิตแต่ก็ส่งผลในการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ หากไม่ทำการรักษาปล่อยให้มีอาการเวลานานๆ อาจทำให้มีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น ไซนัสอักเสบ ริดสีดวงจมูก นอนกรน ปอดอุดกั้นเรื้อรัง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ คนอาจยังไม่รู้ว่านอกจากการเข้าพบแพทย์แล้วก็ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยให้อาการภูมิแพ้ดีขึ้นได้นั่นคือการรับประทานอาหารเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันนั่นเอง หนึ่งในอาหารที่หลาย ๆ คนอาจไม่รู้ว่าสามารถบรรเทาภาวะภูมิแพ้ได้นั่นคือ โยเกิร์ต นั่นเอง ซึ่งมันช่วยได้จริงมั้ย และช่วยได้อย่างไร ในบทความนี้ Butterfly มีคำตอบ
โรคภูมิแพ้ คืออะไร อาการรุนแรงไหม มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง?
ภูมิแพ้ คือ โรคที่มีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน โดยที่ร่างกายจะมีปฏิกิริยาไวต่อสารที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้หรือสารระคายเคือง ซึ่งจะทำให้เกิดอาการแพ้ โรคชนิดนี้มักไม่ค่อยรุนแรงถึงชีวิต แต่จะส่งผลรบกวนต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ดีกว่าหากผู้ที่มีภาวะนี้จะดูแลตนเองและป้องกันปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่ทำให้อาการแย่ลงเพื่อไม่ให้อาการภูมิแพ้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตมากจนเกินควร
โรคภูมิแพ้ เกิดจากอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปแล้วภาวะภูมิแพ้นั้นมาจากสาเหตุหลัก ๆ อยู่ 2 ประการด้วยกัน คือ
1. เกิดจากกรรมพันธุ์
โดยพบว่าถ้าพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้ จะทำให้ลูกมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ประมาณร้อยละ 30-50 แต่ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกก็จะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้นถึงร้อยละ 50-70 ส่วนเด็กที่ไม่มีประวัติโรคภูมิแพ้ในครอบครัวเลย มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้เพียงร้อยละ 10
2. เกิดจากสิ่งแวดล้อม
เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญ เพราะสารก่อภูมิแพ้ที่เข้าสู่ร่างกายของเรา เกิดจากสภาพแวดล้อมซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น การหายใจ การรับประทานอาหาร หรือการสัมผัสสารต่างๆ สารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย ได้แก่ ไรฝุ่น ละอองเกสร วัชพืช ขนสุนัข ขนแมว ทั้งนี้ยังรวมไปถึงฝุ่น PM 2.5 ที่ประเทศของเรากำลังประสบอยู่ ณ ขณะนี้ด้วย
โรคภูมิแพ้ อาการแสดงที่ควรเฝ้าสังเกตและระวัง
ภูมิแพ้ เป็นกลุ่มโรคที่แสดงอาการได้ในหลายระบบของร่างกาย เช่น โรคเยื่อบุจมูกอักเสบภูมิแพ้ หรือภูมิแพ้อากาศ โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้อาหาร ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง รวมถึงผื่นลมพิษเรื้อรัง ซึ่งมีอาการแสดงแตกต่างกันไป คือ…
– อาการแสดงทางระบบทางเดินหายใจ เช่น จาม มีน้ำมูก คัดจมูก คันจมูก คันตา เคืองตา ตาแดง น้ำมูกไหลลงคอ เป็นหวัดบ่อย เป็นหวัดเรื้อรัง หูอื้อ ไอ หายใจหอบ ไอมากตอนกลางคืน ไอหลังออกกำลังกาย หายใจมีเสียงวี้ด นอนกรน มีเลือดกำเดาไหล
– อาการแสดงทางผิวหนัง เช่น ผื่นแดงตามใบหน้าและลำตัว ผื่นลมพิษเป็น ๆ หาย ๆ ผิวหนังแห้ง คันตามผิวหนัง
– อาการแสดงทางระบบทางเดินอาหาร เช่น มีอาการอาเจียน สำรอก ปวดท้อง ถ่ายเหลว
โรคภูมิแพ้ วิธีรักษา มีกี่วิธี อะไรบ้าง?
สำหรับวิธีการรักษาภาวะภูมิแพ้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี คือ วิธีทางการแพทย์ และ การปรับพฤติกรรมรวมถึงการดูแลตนเองของผู้ป่วย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
แนวทางทางการแพทย์
หากมีอาการของโรคภูมิแพ้ คนไข้ควรได้รับการตรวจหาสาเหตุว่าเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ตัวใด เพื่อหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุ ก็จะทำให้อาการของโรคภูมิแพ้ดีขึ้นได้ โดยการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้สามารถตรวจได้ 2 วิธีด้วยกัน คือ
– การตรวจหาสารก่อภูมิแพ้โดยการสะกิดผิวหนัง (สามารถตรวจได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป)
– การตรวจหาสารก่อภูมิแพ้โดยการเจาะเลือด
การปรับพฤติกรรมและการดูแลตนเอง
– หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสาร หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
– ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเป็นประจำเมื่อมีน้ำมูกเรื้อรัง
– ดูแลร่างกายให้สดชื่น แข็งแรงอยู่เสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และควรออกกำลังกายเป็นประจำ
– รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหรืออาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ดี
3 อาหารสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยต้านอาการภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้กินอะไรหาย เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนต้องการคำตอบ ซึ่งอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ได้สามารถเริ่มต้นด้วยอาหาร 3 ชนิดนี้ คือ…
1. โปรตีนจากเนื้อปลาทะเล
การกินปลาทะเล ทำให้เราได้กรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายต่อต้านเชื้อโรค และมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ มีงานวิจัยจาก Harvard Medical School ที่พิสูจน์ว่า กรดไขมันโอเมก้า-3 ยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาโรคปอดอักเสบติดเชื้อได้จริง
2. วิตามินจากผลไม้รสเปรี้ยว
ไม่ว่าจะเป็นส้ม มะนาว ส้มโอ เกรปฟรุต นอกจากจะมีวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวให้เพียงพอในการต่อสู้กับเชื้อโรค ทั้งนี้ยังมีมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบอีกด้วย
3. อาหารที่มีโพรไบโอติก
กว่า 70% ของภูมิคุ้มกันร่างกายจะอยู่บริเวณลำไส้ ในลำไส้คนเราจะมีจุลินทรีย์ชนิดดีหรือที่เรียกว่าโพรไบโอติก อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อทำหน้าที่ย่อยและดูดซึมสารอาหาร ช่วยป้องกันการเกิดโรคและรักษาภาวะที่ผิดปกติของร่างกาย การสร้างสมดุลของโพรไบโอติกในลำไส้เราจึงส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง
นอกจากนี้โพรไบโอติกยังมีส่วนช่วยให้ร่างกายผลิตสารไซโตไคน์ สารกลุ่มโปรตีนที่ร่างกายผลิตเพื่อต่อสู้และกำจัดกับสิ่งผิดปกติที่เข้ามาในร่างกายอย่างเชื้อไวรัสต่าง ๆ อาหารที่มีโพรไบโอติกหรือจุลินทรีย์ตัวดีที่ร่างกายต้องการ ที่สามารถกินได้ทุกวันในปริมาณที่เหมาะสมก็คือ โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กิมจิ หรือแอปเปิ้ลไซเดอร์ก็ได้เช่นกัน
นอกจากสารอาหารที่เป็นตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกันหลักตามธรรมชาติแล้ว การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันก็เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำควบคู่ไปเช่นกัน
โยเกิร์ต โพรไบโอติกสูง ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
โพรไบโอติกสามารถป้องกันและบรรเทาโรคได้ จากการเพิ่มปริมาณโพรไบโอติกในร่างกาย โดยการรับประทานอาหารหรืออาหารเสริมที่มีโพรไอโอติกส์สูง โรคที่บรรเทาอาการได้จากการรับประทานโพรไบโอติก เช่น โรคภูมิแพ้, อาการท้องเสีย, การติดเชื้อราในระบบทางเดินปัสสาวะ, โรคเชื้อราในช่องคลอด เป็นต้น
ซึ่งโยเกิร์ตถือเป็นอาหารที่มีโพรไบโอติก รับประทานง่าย มีรสชาติอะไร ในการรับประทานโยเกิร์ตโพรไบโอติกควรเลือกโยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกสด ๆ ระบุฉลากผลิตภัณฑ์ชัดเจน เช่น Active Probiotic, Live Probiotic และควรเลือกโยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกสายพันธุ์ที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารและสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายไปในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ หากจะกินโยเกิร์ตให้ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้มากขึ้น ให้ผู้บริโภคเลือกโยเกิร์ตที่มี “พรีไบโอติก” ร่วมด้วย หากอยากทราบว่ามีประโยชน์อย่างไร อ่านต่อที่>>
ประโยชน์ของโยเกิร์ต ที่มีทั้งโพรไบโอติก-พรีไบโอติก คุณประโยชน์ 2 เท่า เมื่อมาอยู่ด้วยกัน
โยเกิร์ตออแกร์นิคจาก Butterfly Organic
โยเกิร์ตออร์แกนิคของเรา ไม่ใช่แค่วัวที่เลี้ยงแบบกินหญ้า Grass Fed เท่านั้น แต่เป็นวัวที่กินหญ้าออร์แกนิค 100% (certified organic) ไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ หรือสารเคมีใด ๆ ทั้งกับตัววัวและพื้นที่ในฟาร์ม เราปล่อยวัวให้เดินเล่นในทุ่งกว้าง ไม่มีการกักขัง เพื่อให้วัวของเราได้มีสุขภาพแข็งแรง อารมณ์ดี เพื่อให้ผลผลิตดีตามไปด้วย จนเราได้รับการปิดฉลากจากมาตรฐานออร์แกนิค USDA (NOP) องค์กรที่ดูแลผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยโยเกิร์ตจาก Butterfly นั้นนอกจากความออร์แกนิคแล้ว ก็ยังมีความโดดเด่นในเรื่องโพรไบโอติกเช่นเดียวกัน…
– มีจุลินทรีย์โพรไบโอติก (Probiotic) และจุลินทรีย์มีชีวิต (Live Yogurt Cultures)
– เชื้อจุลินทรีย์ที่ใช้ประกอบด้วย : Lactobacillus rhamnosus, Lactobacillus delbrueckii subsp. bulgaricus, Streptococcus thermophilus
อย่างไรก็ดี เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าโยเกิร์ตของเราปลอดภัย ไร้สารเจือปน ส่งตรงมาจากฟาร์มอย่างแน่นอน สำหรับผู้ที่สนใจสั่งสินค้าและดูสินค้าเพิ่มเติม สามารถติดตามผ่านไลน์ได้ที่นี่ LINE SHOP BUTTERFLY ORGANIC
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
อาหารไม่ย่อยทำไงดี กินโยเกิร์ตบ่อย ๆ ช่วยย่อยอาหารได้จริงหรือ?
จุลินทรีย์ในอาหารมีกี่ชนิด และชนิดไหนที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายของเรา
“ลำไส้แปรปรวน” หายเองได้ไหม กินโยเกิร์ตเยอะ ๆ แล้วช่วยบรรเทาได้จริงหรือเปล่า
คำถามที่พบบ่อย
มีการวิจัยชี้ว่า ผู้มีภาวะภมิแพ้ที่กินโยเกิร์ตซึ่งมี บี.แลคทิส (B. lactis) ทุกวันนาน 8 สัปดาห์ จะมีอาการในระบบทางเดินหายใจลดน้อยลงกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ดื่ม นักวิจัยคาดว่า บี.แลคทิส นี้มีส่วนช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดขาวผลิตสาร ‘ฮีสตามีน’ น้อยลง จึงส่งผลให้ความไวต่อสารก่อภูมิแพ้ลดลงไปด้วย
นอกจากโยเกิร์ตแล้ว อาหารที่มีโพรไบโอติกสูงยังมีอีกหลายชนิด เช่น นมเปรี้ยว ยาคูลท์ อาหารหมักดอง อย่างกิมจิ มิโซะ เต้าเจี้ยวญี่ปุ่น และแตงกวาดอง น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล ทั้งนี้ยังมีชีสบางชนิด เช่น คอทเทจชีส พาร์มีซานชีส เป็นต้น